เมนู

อวิชชานั้น มีความสิ้น ความเสื่อม ความคลาย ความดับเป็นธรรมดา 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เรียกว่า ญาณวัตถุ 77.
จบทุติยญาณวัตถุสูตรที่ 4

อรรถกถาทุติยญาณวัตถุสูตรที่ 4



พึงทราบวินิจฉัยในทุติยญาณวัตถุสูตรที่ 4 ต่อไป.
บทว่า สตฺตสตฺตริ แปลว่า เจ็ด และเจ็ดสิบ คือ 77. กล่าวกันว่า
ภิกษุเหล่านั้นผู้กล่าวพยัญชนะ เมื่อมีผู้กล่าวเพิ่มพยัญชนะมากขึ้น ก็สามารถ
แทงตลอดได้. เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตาม
อัธยาศัยของภิกษุเหล่านั้น. บทว่า "ธมฺาฏฺฐิติญานํ ธรรมฐิติญาณ"
คือความรู้ในปัจจยาการ ก็ปัจจยาการท่านเรียกว่า ธรรมฐิติ เพราะเป็นเหตุ
ของปวัตติฐิติแห่งธรรมทั้งหลาย. ญาณในธรรมฐิตินี้ ชื่อว่า ธรรมฐิติญาณ.
คำว่าธรรมฐิติญาณนี้เป็นชื่อของญาณ 6 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น. บทว่า
ขยธมฺมํ คือถึงความสิ้นไปเป็นสภาวะ. บทว่า วยธมฺมํ คือถึงความเสื่อม
ไปเป็นสภาวะ. บทว่า วิราคธมฺมํ คือถึงความคลายกำหนัดเป็นสภาวะ.
บทว่า นิโรธธมฺมํ คือถึงความดับเป็นสภาวะ. คำว่า สตฺตสตฺตริ อธิบาย
ว่า ใน 11 บท แบ่งเป็นบทละ 7 จึงรวมเป็น 77. การบรรลุวิปัสสนา
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ชื่อวิปัสสนาในพระสูตรนี้.

จบอรรถกถาทุติยญาณวัตถุสูตรที่ 4

5. ปฐมอวิชชาปัจจยสูตร



ว่าด้วยสังขารมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย



[128] พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขาร
เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯล ฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อม
มีด้วยประการอย่างนี้.
[129] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง
ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชรามรณะเป็นไฉน
และชรามรณะนี้เป็นของใคร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ตั้งปัญหา
ยังไม่ถูก ดูก่อนภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า ชรามรณะเป็นไฉน และชรามรณะนี้
เป็นของใคร หรือพึงกล่าวว่า ชรามรณะเป็นอย่างอื่น และชรามรณะ
นี้เป็นของผู้อื่น คำทั้งสองของผู้นั้นมีเนื้อความอย่างเดียวกัน ต่างแต่
พยัญชนะเท่านั้น ดูก่อนภิกษุ เมื่อมีทิฏฐิว่า ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น
ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี หรือว่าเมื่อมีทิฏฐิว่า ชีพอย่างหนึ่ง
สรีระอย่างหนึ่ง ความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมไม่มี ดูก่อนภิกษุ
ตถาคตย่อมแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่ข้องแวะส่วนสุดทั้งสองนั้น ดังนี้
ว่า เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ.
[130] ภิกษุรูปหนึ่งทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชาติเป็น
ไฉน และชาตินี้เป็นของใคร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ตั้งปัญหา
ยังไม่ถูก ดูก่อนภิกษุ ผู้ใดพึงกล่าวว่า ชาติเป็นไฉน และชาตินี้เป็นของ